การกลับมาอีกครั้งยังเกาะล้าน โดย... กาญจน์
เคยไหมที่คุณต้องย้อนกลับไปยังสถานที่เดิมอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งจากมาไม่นาน อาจจะด้วยเหตุผลร้อยแปดพันประการ แต่หนึ่งในความรู้สึกนั้น
คือความประทับใจ...หากใครเคยได้อ่านบทความที่ผ่านมาบ้างแล้วคงยังจำกันได้ เรื่อง ท่าบาลีฮาย ถึง เกาะล้าน
ของสองพี่น้องคู่หนึ่งที่ตั้งใจจะไปพิสูจน์ความงามของเกาะเล็กๆ ห่างฝั่งพัทยาใต้แค่ไม่เกิน 45 นาที ที่มีชื่อว่า เกาะล้าน...ระยะเวลาเพียงไม่เกินหนึ่งเดือนให้หลังหนึ่งในนั้นต้องกลับไปอีกครั้งในฐานะไกด์จำเป็น เพราะเพื่อนร่วมงานหลายคนเห็นรูปถ่ายที่เคยไปมาครั้งที่แล้ว
เกิดอาการอยากไปสุดๆ ประกอบกับตัวเองก็อยากกลับไปอีกครั้งอยู่แล้ว ทริปนี้จึงเริ่มต้นขึ้นด้วยประการฉะนี้
สมาชิกร่วมทริปมีทั้งหมดสามคน..หนึ่งในนั้นคือคนที่เคยแนะนำเกาะล้านให้ได้รู้จักเป็นครั้งแรก คราวที่แล้วเขาไปด้วยไม่ได้เพราะติดงานแต่คราวนี้ พวกเรานัดแนะกันว่าขอไปช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แทนเพื่อจะได้ไปพร้อมหน้าพร้อมตากัน เช้าวันเสาร์ช่วงกลางเดือนจึงเป็นเวลาที่ลงตัว
พวกเราเริ่มต้นเดินทางกันตั้งแต่เช้า
ไปคราวนี้ไม่ต้องนั่งรถตู้แล้วเพราะมีสารถีหนุ่มขับรถไปแทน..ตั้งใจกันว่าจะไปค้างที่เกาะล้านหนึ่งคืนแล้วค่อยกลับวันอาทิตย์นั่นคือความตั้งใจแรก แต่การเที่ยวแบบวางแผนไปตายตัวแบบนั้นจะสนุกตรงไหนว่าไหม ω แน่นอนมันต้องมีอะไรซักอย่างที่ทำให้ทริปนี้ไม่ได้เป็นไปตามแผน เช้าวันเสาร์กับอากาศเป็นใจอีกเหมือนเดิม ฟ้าเปิดกับแดดจ้า กับการมาถึงท่าเรือบาลีฮาย พัทยาใต้เอาตอนสายโด่งเกือบเที่ยงเพราะมัวแต่ขับรถหลงทางในตัวเมืองพัทยากันอยู่ตั้งนาน เราสามคนจึงพลาดเรือเที่ยว 11 โมงของเที่ยวเรือที่จะไปหาดตาแหวนจนได้..แต่ยังทันเที่ยวเรือที่จะไป ท่าเรือหน้าบ้าน อย่างไม่ลังเลตั๋วเรือสามใบก็มานอนอุ่นๆ
อยู่ในกระเป๋ากางเกง สมาชิกที่ทยอยลงเรือลำเดียวกันมีทั้งคนไทยและต่างชาติเต็มลำเรือเหมือนเคย....
ไปคราวนี้ไกด์จำเป็นต้องคอยเป็นแหล่งข้อมูลให้เพื่อนร่วมทางทั้งสอง แถมยังต้องคอยประคบประหงมดูแลเพื่อนร่วมทางบางคนที่ออกอาการเมาเรือตั้งแต่เพิ่งออกจากท่าได้ไม่เกิน 5 นาที กว่าจะไปถึงเกาะก็เล่นเอาเกือบย่ำแย่
ไม่เกิน 45 นาทีเรือก็มาเทียบท่า ตอนแรกพวกเราตั้งใจจะไปนั่งกินลมชมวิวที่หาดตาแหวน เพราะเป็นหาดที่ได้รับความนิยมมีหาดทรายขาวละเอียดกับน้ำทะเลใสแจ๋ว แต่เพื่อนคนหนึ่งเกิดเปลี่ยนใจกะทันหันอยากไป หาดนวลซี่งเป็นหาดที่อยู่ห่างออกไปคนละทิศกับหาดตาแหวนแทน ก็เลยได้แต่เออออห่อหมกไปด้วย มอเตอร์ไซต์รับจ้างจึงเป็นพาหนะให้พวกเราตรงดิ่งไปยังหาดนวลทันที แอบดีใจที่อุตส่าห์ต่อราคาค่ารถได้แต่ก็ต้องเสียใจที่เมื่อไปถึงหาดนวลแล้วที่นั่งริมชายหาดเต็ม เลยต้องนั่งรถข้ามภูเขาลูกเล็กๆ
ของเกาะกลับมายังหาดตาแหวนที่เดิม
..หาดตาแหวนครั้งนี้ดูคึกคักกว่าครั้งที่แล้ว เพราะเป็นวันหยุดจึงมีนักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ แต่ดีตรงที่มีคนไทยให้เห็นพออุ่นใจได้บ้าง
อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่พวกเรากลุ่มเดียวที่จะลงเล่นน้ำด้วยชุดเต็มยศ
ไม่ต้องอาศัย บิกินี่ ให้อุจาดสายตาใคร (อิอิ)
หลังจากหาอะไรใส่ท้องกันแล้ว อย่างไม่รอช้า ห่วงยางรอบเอว เอ้ย ห่วงยางที่ให้เช่าก็ถูกหนีบกระเตงๆ
ลงทะเลไปแทบจะทันที ทั้งๆ
ที่มันยังเป็นช่วงเที่ยง
แดดเปรี้ยงกำลังดีแท้ๆ แต่ก็ไม่มีใครกลัวแดด กะว่าถ้าไม่ดำคราวนี้ก็ไม่รู้จะดำคราวไหน
.เล่นน้ำทะเลตอนหน้าหนาว อูย
เย็นเอาเรื่องเลยทีเดียว
พวกเราสามคนว่ายน้ำห่างฝั่งออกมาเรื่อยๆ คอยหัวเราะนักท่องเที่ยวต่างชาติบางคนที่ลอยห่วงยางอยู่ใกล้ๆ เวลาโดนคลื่นซัดตกน้ำป๋อมแป๋ม
ก่อนจะตะกายขึ้นมาเกาะห่วงยางแล้วหัวเราะขำๆ หมือนกัน เล่นน้ำกันอยู่เพลิน อยู่ๆ ก็รู้สึกแปลกๆ
ที่ขา.. เอ้ยๆๆ
เหมือนจะเป็นตะคริว !!! ร้องตะโกนบอกเพื่อนไม่ทันขาดคำ ก็แทบจะจมวูบลงไปทันทีเพราะขาเกิดตะคริวกินขึ้นมาดื้อๆ
อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เพื่อนที่ลอยคออยู่ใกล้ๆ
เลยโผเข้ามาหาแทบจะทันทีพร้อมห่วงยาง ทั้งสองคนช่วยกันลาก ฉุดและดึงไอ้เราก็เจ็บซะจนน้ำตาแทบไหล
แต่เพื่อนก็ไม่ฟังเสียง ลากขึ้นฝั่งมาอย่างทุลักทุเล
กว่าจะขึ้นมาได้ก็โดนคลื่นลูกใหญ่ซัดเอาล้มลุกคลุกคลาน สภาพดูไม่จืดกันเลยทีเดียว
ทั้งขำทั้งเจ็บคละเคล้ากัน กว่าเพื่อนจะปฐมพยาบาลเสร็จ ก็เล่นเอาน้ำตาคลอเบ้า ขาเป็นง่อยนั่งกระดิกตัวไปไหนไม่ได้...เลยนั่งๆ
นอนๆ อาบแดดกันมันตรงชายหาดเสียเลย พอแดดร่มลมตก
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เริ่มเดินทางกลับ เพราะหาดนี้เรือเที่ยวสุดท้ายจะหมดตอน 4 โมงตรง แต่เราสามคนที่ตอนแรกกะว่าจะมานอนค้าง
แต่เอาเข้าจริงๆ เจ้าของรถที่เอารถมาจอดไว้ตรงท่าเรือบาลีฮายเกิดเป็นห่วงรถขึ้นมา เลยตัดสินใจจะกลับไปค้างที่ฝั่งพัทยาแทน ด้วยเรือเที่ยวสุดท้ายที่ท่าเรือหน้าบ้านประมาณ
6 โมงเย็น ระหว่างที่นั่งดื่มด่ำกับความสงบยามเย็น
ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสองคนเดินมาด้อมๆ มองๆ อยู่ใกล้ๆ เลยอดทักทายไม่ได้..คุยกันไปคุยกันมา เลยได้รู้ว่าทั้งสองมาเที่ยวเมืองไทยซักระยะแล้วแต่โดนมิจฉาชีพฉกกระเป๋าตังก์ไป เข้าขั้นถังแตก
แต่ก็ยังยิ้มแย้มและยังบอกอีกว่า
คนไทยเป็นคนดี คนที่เกาะล้านก็เป็นคนดี..พวกเขาก็ยังชอบที่นี่
แหมโดนไปขนาดนี้แต่ก็ยังอุตส่าห์ชมเมืองไทยได้อีก ...ด้วยความเห็นใจพวกเราเลยตัดสินใจให้ห่วงยางที่เช่ามาให้เขายืมไปเล่นต่อแทน..น้ำใจคนไทยไม่มีหมดกันอยู่แล้ว.. ถึงเวลากลับแล้วได้แต่หมายมั่นปั้นมือไว้ว่า คราวหน้าถ้ามาอีกขอค้างคืนที่นี่ซักครั้ง เพราะเมื่อยามนักท่องเที่ยวเดินทางกลับกันไปหมดแล้วที่นี่ก็เหมือนเกาะส่วนตัว....เกาะล้านครั้งที่สองนี้ ยังความประทับใจได้อีกเหมือนเดิม แม้จะเจ็บตัวไปบ้างเพราะสังขารไม่อำนวยแต่กลับได้คำว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนมาเต็มกระเป๋าใจตุงๆโดยไม่รู้ตัว...อย่าลืมลองไปชมความงามของทะเลเกาะล้านให้เห็นกับตากันให้ได้นะคะ บางทีคุณอาจได้อะไรดีๆ
กลับมาเยอะมากกว่าที่คิดไว้เหมือนพวกเรา