ท่าบาลีฮายถึงเกาะล้าน โดย... กาญจน์
เคยคิดไหมว่า ที่ที่เราอยากไปมากที่สุด มักจะไม่ค่อยได้ไป
เพราะมัวแต่วางแผนกันเยอะเกิน แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
ในขณะที่ที่เราไม่เคยคิดไว้มาก่อนว่าจะไป
กลับได้ไปเพียงเพราะการตัดสินใจในเสี้ยววินาทีสุดท้าย การลาพักร้อนอย่างไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน
ยากต่อการหาที่เที่ยวได้เหมือนกัน ยิ่งไม่มีรถด้วยแล้ว
ไหนจะเพื่อนร่วมทางที่ค่อนข้างจะหายากเพราะคำว่า งาน
มาเป็นขีดจำกัดอีกหนึ่งประการ...ไหนจะเรื่องเป็นผู้หญิงอีกที่ทำให้การเดินดูน่ากลัวไปในบางแง่มุม
กำลังปวดหัวจี๋อยู่ทีเดียวกับที่เที่ยวที่ไม่ค่อยลงตัวด้วยอุปสรรคประการทั้งปวงข้างบน....แต่ เกาะล้านไหมพี่ ผมอยากไป
เปล่าหรอกนี่ไม่ใช่คำชวน แต่เป็นคำแนะนำของเพื่อนร่วมงานที่น่ารักคนหนึ่ง
ที่พ่วงมาด้วยความต้องการของคนตั้งคำถามที่อยากไปเสียเอง แต่ติดที่ไม่ว่างเพราะเจ้าตัวต้องทำงาน
ด้วยว่าใช้วันลาพักร้อนไปเกือบหมดแล้ว... เกาะล้าน ...ที่ไหนเนี่ยไม่เคยได้ยินชื่อ
อยู่ใกล้ๆพัทยาด้วยเนี่ยนะ จะไหวเร้อ อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกลับอย่างไม่ศรัทธา
ด้วยเพราะเป็นคนพื้นเพทางใต้ฝั่งทะเลอันดามัน..เห็นที่สุดของความใสแจ๋วของน้ำทะเล
และความสงบของหมู่เกาะแถบนั้นมาจนชินตา..เรื่องให้ไปเดินชมหาดทรายสีส้มอมแดง
เม็ดทรายหยาบกระด้างเท้า
และน้ำทะเลสีขุ่นของชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกจึงไม่ตรงความต้องการมากนัก
ไหนจะความวุ่นวายของผู้คน..ร้านค้า...ความสะดวกสบายที่มากมายเกินความจำเป็นที่สรรหามาให้บริการกันจนล้นปรี่....เกือบจะหมดความสนใจไปแล้ว
ถ้าไม่เพราะ Forward
mail ที่พ่วงมาติดๆกับคำถามนี้
อดไม่ได้ที่จะเปิดเข้าไปดู...
ใช้เวลาเดินทางไม่นาน แค่ 45 นาทีจากฝั่ง น่าสนใจนะ
อืมม...ก็โอเคนะ จะเอาไปคิดดูแล้วกัน
คำว่าจะเอาไปคิดดู
กลายมาเป็นการเก็บเสื้อผ้า 1 ชุดของใช้ที่จำเป็นสองสามอย่างลงเป้อย่างที่แทบจะไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ
ก่อนนอนคืนนั้นก็ ตั้งคำถามกับน้องสาวว่า ไปด้วยกันไหม ω แล้วในที่สุดก็ได้เพื่อนร่วมทริปมาหนึ่งคนอย่างง่ายดาย..คืนนั้นจึงเป็นคืนที่มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการหาข้อมูลที่น้อยที่สุดเท่าที่เคยเตรียมตัวเที่ยวมา....เกาะล้าน
จาก forward
mail เกาะเล็กๆที่อยู่ห่างจากฝั่งพัทยาใต้เพียงแค่
7 กิโลเมตร
แต่หากบอกกันอย่างนี้มันก็ยากต่อการจินตนาการต่อว่า แล้วมันจะห่างซักแค่ไหนกัน
ถ้าบอกว่ามันใช้เวลาจากชายฝั่งพัทยาไปจนถึงเกาะ แค่ 45 นาทีน่าจะง่ายขึ้น
ถ้าใช้บริการเป็นเรือ Speed Boat ก็แค่ 15-20 นาทีแค่นั้นเอง...ข้อมูลจาก เว็บไซต์บอกไว้ว่า
เกาะนี้เป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวต่างชาติ ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของปะการัง
จนได้ชื่อว่าเป็นเกาะปะการัง เหมาะที่สุดก็น่าจะเป็นการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น (snockle ) แต่ถ้าใครมีเวลาต้องการแบบ
scuba หรือการดำน้ำลึกก็ได้อีกเหมือนกัน...ไม่หรอกเป้าหมายของเราไม่ใช่การดำน้ำ
แต่แค่ต้องการไปพิสูจน์ดูว่า
เกาะล้านจะสู้ความสวยงามของทะเลฝั่งอันดามันได้หรือเปล่า..เรื่องเปรียบเทียบขอให้บอก...ทริปนี้กะไว้ว่าแค่จะไปดูก่อน
ยังไม่คิดที่จะไปพักค้างคืน...
วันที่ออกเดินทางเริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่
ตื่นเช้าเสียยิ่งกว่าตื่นไปทำงานเสียอีก
เพราะตั้งใจไว้ว่าจะไปขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์เพื่อไปยังท่าเรือ บาลีฮาย ยังพัทยาใต้ให้ทันก่อนเรือเที่ยว
10 โมง
แต่...อุปสรรคก็เกิดขึ้นจนได้เมื่อน้องสาวเพื่อนร่วมทริปเกิดปวดท้องต้องเข้าห้องน้ำก่อนที่จะออกเดินทางในตอนวินาทีสุดท้าย..เวลาที่กำหนดไว้เลยต้องเลื่อนออกไปเกือบ 10 นาที
กว่าจะได้ขึ้นรถเพื่อไปยังอนุสาวรีย์ก็สายไปแล้วนิดหน่อย...รถก็จอดแวะรับผู้โดยสารที่เตรียมตัวไปทำงานเกือบตลอดทาง
อารมณ์เริ่มมีตะหงิดๆขึ้นมาไรๆ แล้วตูไปทันก่อนเรือออกไหมน้อ..แอบคิดอยู่ในใจ...ส่วนน้องสาวก็นั่งยิ้มอย่างสบายอารมณ์
พี่เดี๋ยวไปถึงอนุสาวรีย์ ขอซื้อหมูปิ้งก่อนนะ
หิว นั่นๆสายไม่พอยังจะมีอารมณ์ขอซื้อของกินอีก
เลยอดไม่ได้ที่จะหันไปบอกเสียงขุ่นๆว่า จะกินอะไรก็กินไปเถอะ ! แค่พูดเบาๆแต่คนข้างๆที่ขึ้นมาตอนไหนไม่ทราบ
หัวเราะคิกออกมาเบาๆ จึงหันไปดู..ผู้หญิงหน้าน่าตาจัดว่า สวย น่ารักหันมามองยิ้มๆ จะไปเที่ยวกันเหรอคะ ω เธอตั้งคำถาม
อดไม่ได้ที่จะบอกไปอย่างมีมารยาท นึกว่าจะจบแค่นั้น
แต่สาวสวยข้างๆยังไม่ยอมให้หยุดง่ายๆ
เกาะล้านเหรอ ω อยู่ที่ไหนคะ ω ไม่เคยได้ยินชื่อเลย นั่นไงเห็นไหมที่นี่ยังไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายมากนักจริงๆนั่นแหละ
จึงต้องนั่งคุยกับเธอผู้นั้นไปตลอดทาง...เพื่อนร่วมทางสั้นๆคนนี้ชวนคุยอย่างไม่หยุดปาก..การชวนคุยไปเป็นอย่างน่ารักสมกับหน้าตาสดใสของเธอ..แค่นั้นยังไม่พอยังใจดียื่นบัตรส่วนลดดูหนังให้เราสองคนพี่น้องมาอีก
สองใบ... ถ้าวันไหนว่างๆไปดูหนังด้วยกันนะ เธอชวนขึ้นหลังจากที่แลกเบอร์โทรกันไว้แล้ว
ระยะเวลาสั้นๆที่ได้เจอกัน มันทำให้รู้สึกดีจัง
ที่ได้เจอเพื่อนร่วมทางที่น่ารักอย่างนี้ ในเมืองหลวงที่ค่อนข้างวุ่นวายแบบนี้
ก่อนที่เธอจะลงไปจากรถ ก็หันมาอวยพรเราสองคนว่า ขอให้เที่ยวให้สนุกและอย่าลืมถ่ายรูปสวยๆมาฝากพี่ด้วยนะคะ ถึงไม่บอกก็อยากจะเอามาฝากอยู่แล้วด้วยความเต็มใจยิ่ง
เราสัญญาอยู่ในใจ..พวกเรามาถึงอนุสาวรีย์ตอน 7.45
นั่นหมายถึงว่าเรามีเวลาในการซื้อของกินใส่ท้องแค่เพียง 15 นาที
ไม่งั้นเราก็พลาดรถตอน 8
โมง และนั่นก็จะหมายถึงเราจะไปไม่ทันเรือ เที่ยว 10 โมงที่พัทยาแน่นอน
เพราะว่าจากกรุงเทพไปที่นั่นใช้เวลาอย่างน้อยๆก็สองชั่วโมง
สองพี่น้องตัวเล็กๆสองคนจึงวิ่งเข้าร้านสะดวกซื้อใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที แล้วจากนั้นก็ตัดสินใจวิ่งตับแล่บจากตรงนั้นไปยัง
ห้างเซ็นจูรี่ซึ่งเป็นอู่รถตู้ไปพัทยา...พวกเราสองคนไปทันซื้อตั๋วรถ ราคาละ 150 บาทต่อคน
ก่อนรถออกเฉียดฉิว
แล้วขึ้นไปนั่งหอบซี่โครงบานกันบนรถ...บนรถตู้คันนี้มีเพื่อนร่วมทางไม่ค่อยมากนัก...ต่างคนต่างนั่งเงียบมีโลกส่วนตัวเป็นของใครของมันทันที
ยกเว้นเราสองคนพี่น้องที่นั่งคุยจ้อ
สลับกับร้องเพลงเบาๆอย่างสบายในอารมณ์...จนใกล้ถึงพัทยาคุณลุงข้างๆคงทนไม่ไหวว่าทำไมสองคนนี้ถึงได้ดูคึกคักกันนัก...
จะไปไหนกันเหรอหนู คำถามเดิมเป็นรอบที่สองของเช้าวันนี้..
อ๋อ เกาะล้านเหรอ
ลุงไปบ่อย สวยดีนะ บ้านลุงอยู่แถวแหลมฉบังนี่เอง
ลุงเกษียณตัวเองแล้วมาซื้อบ้านตากอากาศไว้ที่นี่
ว่างๆก็ข้ามฟากไปเกาะล้านบ่อยเหมือนกัน... เที่ยวให้สนุกนะ ก่อนจะลงจากรถคุณลุงก็หันมาอวยพร...เพื่อนร่วมทางทยอยลงจากรถกันจนเหลือแค่เราสองคนกับคนขับรถ...
ไปส่งที่ท่าเรือบาลีฮายไปเกาะล้านเลยหรือเปล่าคะ
อ๋อ ได้ซิ
ไปค้างหรือกลับเย็นล่ะ
กลับเย็นค่ะ
งั้นก็โทรให้รถมารับที่ท่าเรือได้เลยนะช่วงเย็น
รถจะออกเที่ยวสุดท้ายตอน 2
ทุ่ม ไม่เกิน 2 ทุ่มครึ่ง
จะออกทุกๆหนึ่งชั่วโมง
ไปเที่ยวอย่างนี้ไม่รู้อะไรก็ให้ถามนะ
คนขับรถบอกมาอย่างหวังดีแนะนำให้พวกเราถามคนที่ควรถามเพราะว่าจะได้ไม่ถูกเอาเปรียบจากพวกไกด์ไลน์ที่หวังหลอกให้เราเสียเงินเยอะเกินความจำเป็น รถมาจอดตรงท่าเรือ บาลีฮาย ที่พัทยาใต้ตอน 10.30 ก่อนลงจากรถเราก็ได้ความหวังดีและคำแนะนำมาเต็มกระเป๋าตุงๆจากคนขับรถใจดี ยิ้มแก้มปริเดินตรงแหน๋วไปซื้อตั๋วเพื่อไปยังยังเกาะล้านทันที แน่นอนเราสองคนไม่ทันเรือเที่ยว 10 โมงจนได้ ได้ตั๋ว 11 โมงตรงมาแทน ราคาแค่ 20 บาทเอง เลยได้โอกาสถ่ายรูปเก็บบรรยากาศตรงท่าเรือกันอย่างจุใจ..อ้อลืมบอกไปว่าไปครั้งนี้ตรงกับวันธรรมดา ท่าเรือจึงค่อนข้างเงียบเหงา มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเสียเป็นส่วนใหญ่...เป็นชาวฝรั่งเศส ไม่ก็ชาวเยอรมัน..อากาศวันนั้นค่อนข้างสดใส
ฟ้าเปิดแสงแดดจ้า เรียกได้ว่าอากาศเป็นใจเหลือเกิน
เกือบ 11 โมงพวกเราก็เริ่มเดินจากตีนสะพานไปยังจุดที่เรือจอดรออยู่ต้องใช้เวลาในการเดินไปเกือบ 10 นาที จึงขอแนะนำให้เผื่อเวลาสำหรับการเดินจากตีนสะพานไปยังปลายสะพานไว้ซักนิดนึงเพราะเรือที่นี่ค่อนข้างออกตรงเวลาทีเดียว แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเรือเขาค่อนใจดีตรงที่บีบแตรเรียกเตือนอยู่ทุกๆ
5 นาที...บนเรือ สมาชิกที่ร่วมลงเรือลำเดียวกันมีอยู่เต็มลำมีคนไทยอยู่แค่สองคนคือพวกเราสองคนพี่น้อง...เรือมีทั้งหมดสองชั้น และก็เต็มทั้งสองชั้น
พวกเราเลือกนั่งชั้นบน กินลมชมวิวกันจนพุงกาง...ผลัดกันถ่ายรูป บ้างก็ได้นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสที่พูดภาษาอังกฤษได้เพียงคำเดียวว่า
No problem ช่วยถ่ายรูปให้
พอบอกขอบคุณ แน่นอนว่าคำพูดโต้ตอบกลับมาเป็นคำว่า no problem พร้อมกับรอยยิ้มที่ฉีกกว้างแทบจะถึงใบหูของทั้งสองฝ่าย...ไม่เกิน
45 นาทีเรือก็มาจอดเทียบท่าที่หาดตาแหวน...เกาะล้านมีหลายชายหาดให้นักท่องเที่ยวเลือกเที่ยว มีสองท่าเรือหลักๆที่เรือมาจอดเทียบ คือ
หาดตาแหวน ซึ่งเป็นชายหาดที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมาก
อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะ
เนื่องด้วยหาดทรายขาวทอดตัวยาว
700 กว่าเมตร ใครที่ต้องการเล่นกิจกรรมทางน้ำก็ตรงดิ่งมาได้เลยทันทีไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก.. ส่วนอีกท่าจะเป็น ท่าเรือหน้าบ้าน...ถ้าใครขึ้นที่ท่าเรือหน้าบ้าน ต้องนั่งรถสองแถว หรือรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง
ราคา 20-30 บาทไปยังหาดอื่นอีกต่อ ..
จากท่าเรือไปจนถึงชายหาดตาแหวนค่อนข้างไกลเหมือนกันแต่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก พวกเราไปถึงท่าเรือตอนเที่ยงตรง
หาร้านอาหารริมทะเลนั่งกินข้าว
แล้วค่อยก็ย้ายก้นไปนั่งบนเก้าอี้ริมหาด นอนฟังเสียงคลื่นสลับกับดูชาวต่างชาติลงเล่นน้ำกลางแดดเปรี้ยงๆ ที่นี่บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ
มีนักท่องเที่ยวประปราย ส่วนใหญ่อย่างที่บอก เป็นต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส
เยอรมัน และกรุ๊ปของชาวจีนบ้างปนกัน
อาจเป็นเพราะเป็นวันธรรมดา
จึงไม่มีคนไทย พวกเราสองคนพี่น้องจึงกลายเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยสองคนที่ได้ส่วนลดต่างๆไม่ว่าจะเป็นราคาที่นั่งริมหาด หรือราคาเช่าห่วงยางที่ลดให้กันอย่างสุดๆ
จะว่าไปที่นี่ก็คึกคักตามแบบฉบับของมัน แต่สิ่งที่ได้เห็นคือ
ผู้คนที่นี่ยังคงมีไว้ซึ่งความมีน้ำใจอย่างเต็มเปี่ยม...ไม่ได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่หวังแต่เงินเข้ากระเป๋าอย่างบางที่ที่เคยเจอมา...ผู้คนยิ้มแย้มให้กันอย่างไม่กลัวจะเห็นฟันหลอ ฟันเกของกันและกัน
และแล้วที่รอเพื่อจะมาพิสูจน์ก็ได้มาเห็นจนได้
...
ไม่น่าเชื่อว่าห่างจากกรุงเทพไม่เกิน สามชั่วโมง จะมีน้ำทะเลใสแจ๋วได้ขนาดนี้
!!...หาดทรายขาวละเอียดทอดตัวยาว
น้ำทะเลสีเขียวใสม้วนตัวซัดเข้าหาฝั่งไม่ขาดระยะ
ถ้ากระบี่ ภูเก็ต เป็นพี่ใหญ่ สมุย
พงัน
ซึ่งเป็นทะเลใต้ฝั่งตะวันออก เป็นพี่กลาง เกาะล้านอย่างที่นี่ก็อนุมานให้เป็นน้องเล็กได้เหมือนกันอย่างน้อยก็สู้พี่ใหญ่ทั้งสองได้สบายๆ ..อย่างอดใจไม่ไหวต้องวิ่งลงไปเล่นน้ำให้หายร้อน สองพี่น้องเล่นน้ำด้วยห่วงยางที่เช่ามาในราคาพิเศษอย่างสนุกสนาน แม้จะดูประหลาดๆที่เราสองคนเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่ได้ใส่
บิกีนี่ เล่นน้ำเหมือนชาวบ้านเขา
จนดูเหมือนมนุษย์ต่างดาวยังไงยังงั้น (ฮิฮิ) ..แต่ก็มีนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มที่บ้างก็มากันเป็นคู่
บ้างก็มาเป็นครอบครัว ที่นอนอาบแดดริมชายหาดทนไม่ไหว
ถึงกับวิ่งไปหยิบห่วงยางที่วางไว้เพื่อเช่า วิ่งกระเตงลงมาร่วมเล่นด้วยกัน
บรรยากาศจึงสนุกสนานมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก และแล้วเวลาที่ไม่อยากให้มาถึงก็มาถึงจนได้
บ่ายสามโมงครึ่ง ก็ได้เวลาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลงเรือที่มาจอดรอเพื่อจะออกจากท่าเรือหาดตาแหวนตอน 4 โมงตรง หาดนี้เรือเที่ยวสุดท้ายจะหมดตอน 4 โมงพอดี แต่ถ้าใครอยากมีเวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นแล้วค่อยกลับตอน
6 โมงของเรือเที่ยวสุดท้ายที่ท่าเรือหน้าบ้านก็ได้เหมือนกัน ...แต่ไม่เป็นไรต่อให้เสียดายอยากใช้เวลากับที่นี่มากแค่ไหนก็ตาม แต่ต้องเตือนตัวเองไว้ว่า เอาน่า คราวนี้เราแค่มาพิสูจน์...ไว้วันว่างๆค่อยมาค้างก็ยังไม่สาย...
หวังใจไว้เป็นอย่างยิ่งว่าที่นี่จะรักษาความสวยงาม สงบ และความมีน้ำใจไว้อย่างนี้ตลอดไป.....
จนกว่าเราจะกลับมาอีกครั้งและอีกครั้ง ... หากใครสนใจที่จะใช้วันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันลาพักร้อนแบบเราสองคน กับเกาะเล็กๆที่ยังคงความสวยงามและความสงบไว้
แบบนี้ แถมยังไม่ไกลจากกรุงเทพฯอีกต่างหาก แนะนำเลยค่ะว่าไม่ผิดหวังแน่นอน...ยิ่งถ้าใครมีโอกาสได้ค้างคืนด้วยแล้ว ที่นี่ไม่ต่างกับเกาะส่วนตัวเลยทีเดียวเมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวน้อยกลุ่มที่จะค้างคืน
ส่วนใหญ่จะไปเช้า-เย็นกลับ
เกาะล้านแห่งนี้ ยังมีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างให้น่าค้นหา..เวลาแค่วันเดียวคงยังไม่เพียงพอที่จะตอบโจทย์หลายอย่างในใจ..แต่มากพอที่จะด่วนสรุปได้ว่า ที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่ยังบริสุทธิ์มากพอสำหรับใครอีกหลายๆคน อย่าลืมไปพิสูจน์ให้เห็นกับตานะคะ